วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บทสรุป : สถานะของเครื่องเขินในสังคมปัจจุบัน

เมื่อเครื่องใช้ในกลุ่มพลาสติก อลูมิเนียมและสแตนเลสเข้ามาแทนที่ เครื่องเขินซึ่งแม้ว่าจะยังคงมีการผลิตอยู่แต่ก็เหลือน้อยมากและพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปทั้งประโยชน์ใช้สอย วัสดุที่ใช้และวิธีการผลิต จากการสำรวจและทำวิจัยในปัจจุบันพบว่าเครื่องเขินอยู่ในฐานะเป็นของสะสมและของที่ระลึกมากกว่าใช้จริงอย่างที่เคยเป็นมา
เครื่องเขินในฐานะของสะสม หมายถึงการเก็บรักษาเพื่อการอนุรักษ์และการศึกษาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษโดยผ่านเครื่องเขิน คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่สะสมเครื่องเขินโบราณที่ปัจจุบันไม่มีการใช้แล้วกับของใหม่ที่เลียนแบบของเดิมและของที่มีการพัฒนารูปแบบ วัสดุและวิธีการผลิตแบบใหม่

เครื่องเขินในฐานะของที่ระลึก การสะสมเป็นของที่ระลึกส่วนใหญ่เป็นของที่ทำขึ้นใหม่ในปัจจุบันทั้งเลียนแบบของโบราณและรูปทรงใหม่ ความนิยมในการใช้เครื่องเขินในฐานะเป็นของที่ระลึกและของฝากมีมานานแล้ว อย่างน้อยในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 25 เมื่อสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จไปพุกามและได้รับคำบอกเล่าเรื่องที่รัฐบาลสนับสนุนให้มีการตั้งโรงเรียนสำหรับฝึกช่างทำของลงรักสำหรับขายให้ฝรั่งที่เมืองย่างกุ้ง “...เดี๋ยวนี้รัฐบาลตั้งโรงเรียนช่างรักขึ้นแห่ง ๑ อยู่ไม่ห่างที่พักนัก ที่โรงเรียนนั้นทำแต่ของฝีมือดี และมักทำของแปลกๆ ส่งไปขายฝรั่งที่เมืองร่างกุ้ง...” ข้อความดังกล่าวสอดคล้องกับคำบอกเล่าของนางจันติ๊บ ช่างทำเครื่องเขินที่เชียงตุงที่กล่าวว่า ตอนที่เจ้าฟ้าเชียงตุงยังมีอำนาจอยู่นั้นได้เข้ามาเป็นผู้อุปถัมภ์การทำเครื่องเขินและหาตลาดให้ ตลาดที่สำคัญคือร่างกุ้ง นางจันติ๊บเล่าให้ฟังว่าเจ้าฟ้าเคยนำเครื่องเขินไปขายให้กับฝรั่งที่ร่างกุ้งด้วยตนเอง
จากการกลายเป็นของที่ระลึกนี้เองทำให้ช่างปัจจุบันหันมาผลิตเครื่องเขินในรูปทรงใหม่มากขึ้น เช่น กล่องใส่ทิชชู กล่องสบู่ กรอบรูป โคมไฟ และแก้วกาแฟ เป็นต้น

เครื่องเขินในฐานะของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องเขินที่ใช้ในชีวิตประจำวันมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ
  • การใช้ในลักษณะนี้ทำให้เครื่องเขินบางชิ้นต้องเปลี่ยนรูปแบบใช้สอย เช่น นำแอ็บขนาดเล็กไปใส่คลิปหนีบกระดาษ ใช้ขันแดงวางของใช้ เช่น แจกัน กรอบรูป และโทรศัพท์ ใช้โตกเป็นพานใส่ผลไม้ เป็นต้น
  • เช่นในกลุ่มปกาเกอะญอยังใช้ภาชนะที่เป็นคัวฮักคัวหางทั้งในชีวิตประจำวันและพิธีกรรม จากการใช้จริงทำให้มีการผลิตเพื่อขายให้ชาวปกาเกอะญอด้วยกัน นายมานะกล่าวว่า “...ตอนนี้ยังทำขายอยู่ ตะกร้าใบเล็ก 40 บาท ใบใหญ่ 50 บาท ส่วนแอ็บราคา 150 บาท ทั้งใบเล็กและใบใหญ่ กลุ่มที่เข้ามาซื้อจะเป็นกลุ่มปกาเกอะญอในแถบแม่สะเรียง...” แต่ตอนนี้ก็ผลิตน้อยลงเพราะคนใช้มีจำกัดและส่วนใหญ่ใช้ในงานประเพณีเท่านั้น ส่วนเครื่องใช้ในครัวเรือนก็หันมาใช้เครื่องใช้พลาสติกซึ่งถูกและหาง่ายกว่า



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น