ขันดอก
พานใส่ดอกไม้และเครื่องเซ่นไหว้ของชาวล้านนาเรียกว่าขันดอกมีลักษณะคล้าย
จานที่มีฐานยกสูงขึ้นไป เข้าใจว่าคงได้รูปแบบหรืออิทธิพลมาจากจานเชิงของจีนซึ่ง
เป็นเครื่องปั้นดินเผาแต่ว่าขันจะมีส่วนจานและฐานเป็นรูปบัวคว่ำบัวหงายอย่างชัดเจน
หรืออีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่าฐานปัทม์ส่วนใหญ่ขันดอกแบบโบราณจะทำมาจากไม้สักกลึง
สองหรือสามตอนมาสวมต่อกันเป็นรูปพานทาด้วยยางรักและตกแต่งด้วยการเขียน
ลวดลายสีดำสีแดงเป็นกลีบบัวสอดไส้ขนาดทั่ว ๆ ไปของขันดอกสูงประมาณ 12 นิ้ว และเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 นิ้ว ใช้สำหรับใส่ข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียนไปวัดหรือ ในพิธีกรรม
บางทีก็ใช้ใส่เครืองเซ่นไหว้และของที่มอบให้เป็นทางการในพิธีสำคัญ
![]() |
| ขันดอก |
ขันดอกไม้กลึง
เป็นขันดอกประเภทหนึ่งที่ชาวล้านนาได้รับอิทธิพลและรูปแบบ
จากขันดอกของชาวไทเขินเรียกว่า “ขันซี่”
หรือ “ขันตีนถี่” ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่เด่นมาก
กล่าวคือช่วงที่เชื่อมระหว่างตัวพานไม้กลึงกับฐานไม้กลึงแทน
ที่จะเป็นไม้กลึงทรงบัวลูกแก้ว ก็จะเป็นซี่ไม้กลึงขนาดเล็ก ๆ
เรียงชิดกันเป็นแถวรอบฐานทรงกลมคล้ายขันโตกขันซี่ทั่วไป
จะทาสีแดงชาดเท่านั้นไม่นิยมมีลวดลายประดับเหมือนขันดอก แบบพื้นเมือง
ขันซี่บางชุดมีการกลึงลวดบัวที่มีสัดส่วนสวยงาม แปลกตา
บางชุดก็มีความกล้างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 18 นิ้ว
หรือมากกว่านั้น ใช้สำหรับเป็นขันตั้งหรือภาชนะในพิธีสำคัญทางศาสนา
ซี่ไม้ที่เป็นขามีการเหลาเป็น ปล้อง ๆ
สวยงามเมื่อเรียงเป็นแถวจะมีลักษณะคล้ายลูกกรงระเบียงบ้าน
![]() |
| ขันดอกไม้กลึง |
ภาชนะเครื่องรักที่มีรูปทรงที่พัฒนามาจากกระบุงไม้ไผ่สานสำหรับใส่ของหลาย
ประเภทในพิธีกรรมและการไปทำบุญเรียกว่าขันโอ รูปทรงของขันโอเหมือนกระบุง
ขนาดเล็กป้อม ๆ เตี้ย ๆ ทาด้วยยางรักเรียบ ด้านนอกสีดำด้านในสีแดง มีหูเล็ก ๆ
สี่หู
สำหรับร้อยเชือกหาบปากขันโอมีถาดวางปิดไว้ก้นขันโอมีการเสริมปุ่มสี่ปุ่มด้วยการปั้น
ยางรักให้หนารองรับการถูไถได้ดีบางทีก็ใช้หอยเบี้ยเสริมความแข็งแรงของปุ่มรองก้น
ขันโอจะนิยมผลิตเป็นคู่เสมอ เรียกว่าเป็นหาบไม้คานหาบส่วนใหญ่จะเป็นไม้คานเรียว
เล็กดัดปลายทั้งสองให้งอนขึ้น หรือแกะสลักเป็นลวดลายสวยงาม ขันโอที่เป็นใบเดี่ยว
ไม่มีคู่จะมีขนาดเล็กกว่า เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10
ถึง 12 นิ้วประดับด้วยลวดลาย
การเขียนสีหรือปิดทอง ไม่มีหูร้อยเชือก เพราะใช้อุ้มเหมือนขันเงินหรือสลุงเงิน
น่าจะ เป็นอิทธิพลจาก “ก๊อกโอ” หรือ”ซ้าข้อง” ของชาวไทเขินจากเชียงตุง


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น