จากการศึกษาของนักวิชาการพบว่า วัฒนธรรมการใช้และการผลิตเครื่องเขิน เป็นวัฒนธรรมร่วมของกลุ่มคนในเอเชียทั้ง พม่า ลาว และเวียตนาม รวมทั้งจีนและญี่ปุ่นด้วย ดังมีตัวอย่างดังนี้
เครื่องเขินในพม่า มีแหล่งผลิตอยู่ที่หมู่บ้านในเมืองพุกาม “...เครื่องลงรักนั้นทำกันตามบ้านแห่งละเล็กละน้อย โดยปกติจะมีคนอื่นมารับซื้อจากผู้ทำรวบรวมเอาไปเที่ยวขาย...” นอกจากนั้นทางพม่ายังตั้งโรงเรียนช่างรักเพื่อสร้างคนที่มีความรู้ในการทำเครื่องเขินจนสามารถใช้ประกอบอาชีพต่อไปในอนาคตได้“...โรงเรียนช่างรักที่รัฐบาลตั้ง ณ เมืองพุกาม วิธีที่เขาจัดการถูกใจฉันมาก ด้วยเขาถือหลักว่า จะหัดนักเรียนให้ไปทำของลงรักขายเป็นอาชีพโดยลำพังตนในวันหน้า...”
เครื่องเขินในญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการผลิตเครื่องเขินใช้ในชีวิตประจำวัน ยางรักที่ใช้ในการผลิตส่วนหนึ่งนำเข้าจากกรุงศรีอยุธยา หลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่ามีการนำเข้ายางรักจากกรุงศรีอยุธยาไปญี่ปุ่นคือ รายชื่อและปริมาณสินค้าในบัญชีของสำเภาจีนที่ส่งไปยังเมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ.2254 ในบัญชีดังกล่าวปรากฏรายการสินค้าจากอยุธยาดังต่อไปนี้ “...ไม้ฝาง 880,900 ชั่ง น้ำตาลกรวด 7,700 ชั่ง รัก 30,000 ชั่ง...” ญี่ปุ่นเรียกยางรักว่า “สี” “...สี (รัก) โดยเฉพาะที่ตีตราไว้ว่า “รักสีดำ” จะนำเข้ามาเป็นขวดหรือโอ่ง เช่น สั่งเข้ามาหนัก 12,000 ชั่ง บรรจุไว้ในขวดหรือโอ่ง 36 ขวดหรือโอ่ง เป็นต้น...”
ญี่ปุ่นมีเครื่องมือเครื่องใช้หลายชนิดที่นิยมทาด้วยยางรัก เช่น กระปุกเครื่องหอมซึ่งเป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งในพิธีชงชา กระปุกเครื่องหอมที่ใช้ในพิธีนี้มี 2 ชนิดคือ กระปุกเครื่องเขิน และกระปุกเครื่องเคลือบ กระปุกทั้ง 2 ชนิดนี้จะแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน กล่าวคือกระปุกเครื่องเขินใช้สำหรับใส่เครื่องหอมบูชาพระและใช้ดม ส่วนกระปุกเครื่องเคลือบนิยมใช้เป็นภาชนะบรรจุเครื่องหอมในพิธีชงชา นอกจากกระปุกเครื่องหอมแล้ว ชาวญี่ปุ่นยังนิยมนำยางรักไปใช้ในงานหัตถกรรมอื่นๆ อีกด้วย เช่น กล่องลงรัก และหมอนสูงลงรัก เครื่องใช้เหล่านี้ คงจะเป็นของที่นิยมใช้กันทั่วไปในสังคมของชาวญี่ปุ่น รวมทั้งส่งเป็นสินค้าออกซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะส่งมาขายให้กับชาวญี่ปุ่นที่ออกมาตั้งถิ่นฐานนอกประเทศ ทั้งนี้เพราะมีหลักฐานการส่งออกเครื่องใช้กลุ่มนี้ในรายการสินค้าของสำเภาสยามที่เดินทางกลับจากญี่ปุ่นในปี พ.ศ.2225 “...ทองแดง 157,300 ชั่ง เหล็ก 2,500 ชั่ง กล่องลงรัก 8 ใบ หมอนไม้สูงลงรัก 10 ใบ กล่องลงรักขนาดเล็ก 6 ใบ หัตถกรรมลงรัก 10 ใบ ลูกเกาลัด 40 ถุง และเต้าเจี้ยวมิโซะ 15 โอ่ง/ไห เป็นต้น...”
เครื่องเขินในจีน จีนเรียกการลงรักว่า “ชี่” ชาวจีนนำยางรักมาใช้กับภาชนะเครื่องเรือนและศิลปวัตถุ รวมทั้งใช้รักษาบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่จารึกไว้บนไม้ไผ่ พวกเขากล่าวว่าได้รู้จักการลงรักมานานแล้วและเป็นผู้เผยแพร่ความรู้นี้ให้กับเมืองต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “...ชาวจีนรู้จักคุณสมบัติในการป้องกันเนื้อไม้ของยางที่ได้จากกิ่งของต้นรักมาอย่างน้อย 3,000 ปีมาแล้ว และแพร่หลายไปทั่วเอเชียอาคเนย์ ... ชิ้นงานตัวอย่างเก่าแก่ที่สุดของจีนเท่าที่รู้อยู่ในสมัยราชวงศ์ซาง (ค.ศ. 1523-1028 ปีก่อนคริสต์ศักราช)...” สำหรับยางรักนั้นมีหลักฐานว่าเป็นของภายในประเทศจีนเอง “...ประเทศจีนเป็นต้นกำเนิดของต้นไม้ชนิดนี้ และมีการปลูกด้วย...” และสันนิษฐานว่าจีนคงมีการนำเข้ายางรักจากสยามด้วย
ดังจะเห็นจากหลักฐาน เซอร์ จอห์น เบาว์ริง ที่กล่าวว่า “...ต้นรักให้น้ำยางชั้นดีใช้เป็นยาเคลือบที่มีราคาสูงในการทำเครื่องเขินที่ประเทศจีน...” มีหลักฐานการพบชิ้นส่วนของ “เครื่องเขิน” ที่นำเข้าจากจีนในแหล่งเรือจมที่อ่าวไทย 2 แหล่ง คือ
- แหล่งเรือจมรางเกวียน แหล่งโบราณคดีแห่งนี้ประกอบด้วยเรือจม 1 ลำ จมอยู่ในแนวร่องน้ำคราม ห่างจากฝั่งบ้านบางเสร่ อำเภอสัตหีบ ไปทางตะวันตกประมาณ 10 กิโลเมตร และห่างจากเกาะรางเกวียนไปทางเหนือราว 800 เมตร นักโบราณคดีบางคนเรียกเรือรางเกวียนว่า เรืองาช้าง และเรือเหรียญอีแปะ เพราะพบงาช้างและเหรียญอีแปะ ซึ่งเป็นเหรียญเงินของจีนเป็นจำนวนมาก กล่าวคือพบงาช้างประมาณ 25-30 กิ่ง และเหรียญอีแปะอีกประมาณ 200 กิโลกรัม นอกจากงาช้าง เหรียญอีแปะ และสินค้าอื่นอีกจำนวนมาก เช่น เครื่องปั้นดินเผา แท่งทองแดง และคันฉ่องแล้ว ยังได้พบชิ้นส่วนของเครื่องเขินลงพื้นสีดำลวดลายสีแดง 1 ชิ้น อยู่ท่ามกลางสินค้าต่างๆ ซึ่งนักวิชาการกล่าวว่า เมื่อดูจากลวดลายแล้วน่าจะเป็นเครื่องเขินของจีนหรือญี่ปุ่น
- แหล่งเรือจมสีชัง แหล่งโบราณคดีแห่งนี้ประกอบด้วยเรือจม 1 ลำ จมอยู่ในแนวร่องน้ำลึกประมาณ 31 เมตร ห่างจากเกาะสีชังราว 3 กิโลเมตร ในบริเวณนี้ได้พบสิ่งของเป็นจำนวนมาก เช่น เครื่องปั้นดินเผาจีนชนิดดี ก้อนตะกั่ว และชิ้นส่วนของเครื่องเขินของจีนลายมังกรและกิเลน การพบเครื่องเขินในปริมาณน้อยเช่นนี้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นของใช้ในเรือมากกว่านำเข้ามาเป็นสินค้า


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น