- ใช้วัสดุใหม่เข้ามาแทนที่ในการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือน วัสดุใหม่หมายถึง พลาสติก อลูมิเนียม และสแตนเลส โดยเฉพาะสินค้าที่ทำจากพลาสติกสามารถผลิตได้ครั้งละมากๆ และสามารถผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ที่หลากหลายรูปแบบตั้งแต่ของใช้ขนาดเล็ก เช่น จาน ชาม ถ้วย แก้วน้ำ ช้อน และตะกร้า ไปจนถึงของที่มีขนาดใหญ่ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ และตู้เสื้อผ้า ในขณะที่วัสดุที่ใช้ในการผลิตเครื่องเขินนับวันจะหายากมากขึ้น โดยเฉพาะยางรักซึ่งหายากและมีราคาแพงมากคือกิโลกรัมละประมาณ 500 บาท และจากการที่ยางรักมีราคาแพงและหายากทำให้ผู้ขายมักจะปะปนขยะ เช่น ใบไม้และกิ่งไม้ลงไปในยางรักด้วย สร้างปัญหาให้กับผู้ใช้มาก นอกจากนั้นการผลิตเครื่องเขินยังใช้เวลามากกว่าจะได้ชิ้นงานแต่ละชิ้น เมื่อเทียบกับการผลิตพลาสติก ฉะนั้นเราจึงเห็นเครื่องมือเครื่องใช้พลาสติกเข้ามาวางขายในตลาดแทนที่ของใช้ประเภทเครื่องเขิน ซึ่งหายไปจากตลาดนานมาแล้ว
- การขาดแคลนช่างผู้ผลิต เมื่อความต้องการใช้เครื่องเขินในฐานะเป็นเครื่องใช้ประจำบ้านหมดไป ประกอบกับการผลิตผลงานแต่ละชิ้นค่อนข้างช้า การขายยากเพราะคนไม่นิยมและไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ทำให้ช่างมีรายได้น้อย ช่างผู้ผลิตจึงหันไปทำงานอื่นแทนมากขึ้น รวมทั้งลูกหลานส่วนใหญ่ไม่สืบทอดภูมิปัญญาการผลิตอีกต่อไป
จากปัญหาดังกล่าวเหล่านี้ทำให้การผลิตคัวฮักคัวหาง อันเป็นภูมิปัญญาอย่างหนึ่งของสังคมล้านนาได้สูญหายไป บางจังหวัดเช่น แพร่ น่าน และลำปางไม่มีการผลิตอีก เช่นในจังหวัดน่าน เคยมีหมู่บ้านผลิต “คัวฮักคัวหาง” ที่บ้านดอนแก้ว (บ้านพ้อย) ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา ความรู้ในการทำเครื่องเขินโดยเฉพาะ ขันหมากในหมู่บ้านสืบทอดมาจากเชียงใหม่ เนื่องจากพ่อมูลคนในหมู่บ้านกับครูบาอภิวงศ์เดินทางไปเรียนจากเชียงใหม่ แล้วนำไปถ่ายทอดให้กับคนในหมู่บ้าน จนเป็นที่รู้จักกันในชุมชนเมืองน่านถึงรูปแบบการผลิตขันหมากเครื่องเขินจากแหล่งผลิตดังกล่าวว่า “ขันหมากบ้านพ้อย” รูปแบบเครื่องมือเครื่องใช้ที่ผลิตในหมู่บ้านนี้ประกอบด้วย ซ้าหลอด ซ้าหวด ซองพลู และซองยาเส้น เป็นต้น ของเหล่านี้มีทั้งคนมารับซื้อไปขายและช่างผู้ผลิตนำไปขายเองถึงเชียงแสนและเชียงราย การผลิตคัวฮักคัวหางในสมัยนั้นสามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี แต่การผลิตของหมู่บ้านนี้ได้เลิกไปกว่า 20 ปีแล้ว เนื่องจากคนไม่นิยมใช้ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลพยายามเข้ามารื้อฟื้นและฟื้นฟูการผลิตใหม่แต่ก็ไม่ประสบผลต้องเลิกไปในที่สุดเพราะไม่มีตลาดรองรับ ปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทั่วไปในล้านนา เมืองเชียงใหม่ซึ่งเคยมีการผลิตคัวฮักคัวหางในหลายหมู่บ้าน เช่น บ้านต้นแหน อำเภอสันป่าตองและบ้านนันทาราม อำเภอเมือง แต่ปัจจุบันเหลือแหล่งผลิตใหญ่ๆ เพียง 2 แห่งคือ ที่บ้านนันทาราม ถนนนันทาราม และบ้านศรีปันครัว แต่การผลิตในหมู่บ้านทั้งสองแห่งนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนไปทั้งรูปแบบ วัสดุ และเทคโนโลยีในการผลิต




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น